คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี โดยมี 1 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50%
เศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกปี 2568 ขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้จากภาคการผลิตและการเร่งส่งออกสินค้า แต่มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในระยะถัดไป
มีความเสี่ยงที่การส่งออกสินค้าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมทั้งความเสี่ยงจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และปัจจัยภายในประเทศ
สินเชื่อโดยรวมหดตัว สถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะ SMEs และครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ
คุณภาพสินเชื่อปรับด้อยลงโดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประกอบกับความต้องการของภาคธุรกิจที่ลดลงและการชำระคืนหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินและในระบบสถาบันการเงินปรับลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมา
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากปัจจัยภายนอกในทิศทางเดียวกับสกุลภูมิภาค
กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายการเงินภายใต้ความไม่แน่นอนสูงและขีดความสามารถของนโยบายการเงินที่จำกัด
กรรมการ 1 ท่านเห็นควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและเอื้อต่อการปรับตัวของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง และพร้อมปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มและความเสี่ยงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
อ้างอิงข้อมูลจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย (25 มิ.ย.)
ไทยเควสท์ ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ รวมทั้งเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้